ImageHost.org

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553



“ ความรัก คือ การทิ้งความกลัวไป “ คำกล่าวที่มีความหมายดี ๆ นี้ดูสวยงาม

แต่อาจจะยากแก่การลงมือทำ จริง ๆ ในสายตาของบางคน ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องความรักมาเลย หรือคนที่เคยผ่านประสบการณ์เลวร้าย จากความรักมาแล้ว..... ที่เป็นอย่างนี้อาจเพราะพวกเขารู้สึกว่า การนำตัวเองเข้าไปพัวพันกับความรัก ก็เหมือนกับการเสี่ยง... เสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธ...

ถูกทำให้ผิดหวัง...ถูกทอดทิ้ง..และทำให้เจ็บปวด จึงเป็นที่มาของความรู้สึก..กลัวความรัก..... .....

แม้ความรักอาจไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่มันก็มีค่า.. ต่อการมีชีวิตอยู่ เป็นแรงบันดาลใจให้เราทำอะไรได้มากมาย .... อยากบอกกับคนที่ยังกลัวความรักว่า ไม่ผิดหรอกที่คุณจะกลัวมัน เพราะอย่างน้อยคุณก็รู้ตัวเองดีว่า กลัวความรัก ต่างกับคนที่วิ่งหนีความรัก และเฝ้าหลอกลวงตัวเองว่า มีความสุขดีแล้วกับการอยู่คนเดียว ไม่จำเป็นต้องพบเจอและสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นตัวเอง เพราะกลัวจะต้องรักคนอื่น แต่ลืมนึกไปว่า ถึงเราจะหนีมันอย่างไร ก็หนีไม่พ้นหรอก เพราะความรักมันอยู่ในใจของเรา จะหนียังไงมันก็เจ็บปวดอยู่ลึก ๆ แล้วคุ้มหรือเปล่ากับการต้องหลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น .... หนทางของความรัก มันอาจจะไม่ได้เป็นภาพที่ชัดเจน ให้เราเดินไปได้สะดวกหรือง่าย ๆ แต่สิ่งที่รออยู่ที่ปลายทางนั้น ก็มีค่ามากพอ ที่จะกวักมือเรียกเราให้เดินเข้าไปหา ...แทนที่เราจะวิ่งหนีมัน ก็เปลี่ยนมาเป็นเตรียมตัวเองให้พร้อม

เวลาที่จะต้องไปเจอกับมันดีกว่า เหมือนกับเวลาที่เราออกเดินทาง ก็ เตรียมเสื้อกันหนาวไปบ้างเผื่อเจออากาศที่หนาวเย็น เสื้อกันฝนหยิบไปหน่อยก็ดี เผื่อหยิบมาใส่เวลาที่ฝนมันตก หยูกยาก็ติดไปบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ พอปฐมพยาบาลตัวเองเบื้องต้นเวลาเจ็บไข้ .... แต่ถ้าเดินทางออกไปแล้วโชคร้าย ต้องสะบักสะบอมกลับมาก็ไม่เป็นไร... รักษาตัวเองใหม่ เผื่อออกเดินทางในครั้งต่อไปก็เท่านั้นเอง.. แต่เชื่อไหมว่า..การเดินทางครั้งต่อไปของเรา มันต้องดีกว่าครั้งแรกอยู่แล้วล่ะ... ว่าไหม...? .....

"วันนั้น อ่อนแอ แต่วันนี้ไม่ใช่"....

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความรักของคนตาบอด ตลาดนัดจตุจักร เอิ๊กๆๆ

คุณเคยเห็นคนตาบอดไหม... คนตาบอด...ที่เดินไปไหนต่อไหนด้วยกันเป็นคู่....

คุณอาจเจอพวกเขาได้ ในที่ที่มีคนอยู่กันเยอะๆ เช่น..ตลาดนัด...

พวกเขาไปที่นั่น เพราะหวังว่า... คงจะมี คนใจบุญ ไปเดินอยู่ที่นั่นบ้าง...

คนสองคน...ที่จับมือกัน...ค่อยๆ เดินกระเถิบไปด้วยกันทีละนิด..ทีละนิด...

เพราะต่างคน ต่างก็มองไม่เห็นอะไรกันทั้งคู่...

นอกจากไม้เท้าคนละอันแล้ว...ในมือพวกเขาถือวิทยุเก่าๆ เครื่องนึง...

กับไมค์อีกอีกหนึ่งอัน...ที่ขาดไม่ได้ ก็คือขันอลูมิเนียม... อาวุธสำคัญที่ใช้หากินอยู่ทุกวัน..

เราอาจจะไม่ คุ้นหู กับเพลงที่เขาร้องนัก... แต่ก็ดูว่าเขาตั้งใจร้องเหลือเกิน...

และดูเหมือนเขาก็หวังว่าคุณจะต้องชอบมัน... เราเห็นเขาจับมือกัน...

วินาทีนั้น...ทำให้นึกถึงอะไรบางอย่างที่เราเคยมองข้ามมาตลอด...

คุณเคยนึกถึงความรักของ..คนตาบอด..หรือเปล่า....

ตนตาบอดรักกันได้ยังไงนะ... เพราะคนตาบอด...ไม่เคยรู้เลยว่า...

คนรักของเขา..มีหน้าตาเป็นอย่างไร.. คนตาบอด..จะรู้จักก็เพียงจิตใจของคนรักของเขาเท่านั้น...

เมื่อเขามีความพอใจกันและกัน.... ไม่มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี

ให้กังวลใจ...เพราะต่างคนก็ต่างไม่มีสิ่งนี้... ต่างคน..ต่างก็ไม่มีเงิน...

ตาสองข้าง ปิดสนิท....แต่เปิดใจเข้าหากัน.. คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน ด้วย " ใ จ " ล้วนๆ...

ความรัก....ก็เกิดจากตรงนั้น...


คนตาบอด พาคนที่เขารัก ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง...

คนตาบอด ไม่เคยกลับบ้านดึก...

คนตาบอด ออกจากบ้านพร้อมกัน...และกลับถึงบ้านพร้อมกัน...

พวกเขาเคยแยกกันบ้างหรือเปล่านะ.... ?


คุณรู้หรือเปล่า.....คนตาบอด จับมือของคนที่เขารักไว้เสมอๆ เกือบตลอดทั้งวัน...

คุณเคยทำอย่างเขาบ้างไหม... ?



เรากลับมานึกถึงความรักของคนที่ตาดี...

หลายๆ คน มีเกียรติยศ หน้าที่การงานที่ดีเหลือเกิน...

หลายๆ คน ทั้งหล่อ ทั้งสวย...ทั้งรวย ทั้งฉลาด...

แต่พวกเราหลายๆ คนกลับต้องมาเสียใจเพราะความรัก...


หรือว่าพวกเรามองเห็นกัน....เพื่อจะเรียกร้องสิ่งที่เราต้องการให้มากขึ้น....

เอ....พวกเราคาดหวังอะไรจากคนที่เรารัก....มากเกินไปหรือเปล่านะ...


อนาคตของคนตาบอด..อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้...

ดูเหมือนเขาจะ...สงสัยก็เพียงแต่ว่า...

วันพรุ่งนี้...จะมีคนใจบุญซักกี่คน...

ที่ทำให้พวกเขากลับบ้านด้วยกันอย่างมีความสุข....

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553





กาลครั้งหนึ่ง...
มีเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า 'ความรัก'
ความรักไม่รู้ว่าเขาเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เขาไม่เคยเห็นผู้ให้กำเนิด
'ความรัก' เกิดมาท่ามกลางความมืดมนและว่างเปล่า...


ความรักเฝ้าตามหาอะไรบางอย่างที่ทำให้ตัวเขารู้สึกไม่เหน็บหนาว
เขาอ้างว้าง เขาสับสน เขาอยู่คนเดียวมานานเกินพอ...
...เขารู้สึกว่าอะไรยังขาดหายไป


ความรักเริ่มออกเดินทางบนถนนสายที่ไม่มีจุดเริ่มต้น...
ถนนสายนี้ทอดยาวไกลไปในความมืดมิด...และดูท่าไม่มีที่สิ้นสุด
ความรักเริ่มท้อใจ...เมื่อไหร่เขาจะเจอเพื่อนร่วมทางเสียที...


แสงสว่างเล็กๆ กระพริบพราวท่ามกลางความมืดรอบกาย แล้วหายไป...
ความรักดีใจมาก ในที่สุดก็มีแสงสว่างจุดขึ้นมาแล้ว
เขาเดินเข้าใกล้...และพบกับใครคนหนึ่งที่นั่งกอดเข่าอยู่เดียวดาย

...เธอคนนั้นคือ 'ความจริงใจ'...


ความจริงใจบอกกับความรักว่าเธอถูกสั่งให้มาเฝ้ารอใครสักคน...
เธอนั่งอยู่ตรงนี้นานแล้ว...นานจนแทบจะหมดหวัง...
เธอเห็นแสงสว่างอยู่ไกลๆ...และความรักก็เข้ามาหาเธอ


ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน...ไม่ต้องให้มีใครบอกเขาก็รู้ พวกเขาทั้งคู่ต้องก้าวไปด้วยกัน...
ความรักส่งมือให้ความจริงใจจับเอาไว้ แล้วพวกเขาก็เริ่มก้าวเดิน...


ก้าวที่ทั้งสองเดินไปค่อยๆย่างอย่างช้าๆ...ไม่รีบร้อน
อาจจะมีมรสุมพัดกระหน่ำเข้ามาบ้างแต่มือที่จับกันเอาไว้ไม่เคยปล่อย... ผ่านลมที่โหมกระหน่ำ
ผ่านความมืดและความเหน็บหนาว... ผ่านหลายๆสิ่งมาด้วยกัน


และแล้วก็มีเด็กน้อยๆสองคนจูงมือกันเข้ามา...
เด็กน้อยคนหนึ่งที่ดูบอบบางและอ่อนแอราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
แต่อีกคนกลับดูเข้มแข็ง...และคอยปกป้องอีกคนเสมอ
พวกเขาแนะนำตัวว่าเขาคือ 'ความประทับใจ' และ 'ความผูกพัน'


ความรักและความจริงใจอุ้มเด็กทั้งสองมาแล้วร่วมเดินบนเส้นทางไปด้วยกัน...
เส้นทางที่เคยมืดสนิทเริ่มมีแสงจางๆส่องรำไร... ถนนสายที่ดูยาวไกลไม่สิ้นสุด ตอนนี้กลับเห็นปลายทางสว่างริบหรี่...

...ในใจของพวกเขาเกิดความหวัง...เส้นทางที่พวกเขารอคอยใกล้เข้ามาถึงแล้ว


แต่แล้ว! ก็มีเงาทะมึนมาทาบทับ เงาปีศาจสองตัวโอบล้อมพวกเขาเอาไว้
เจ้าปีศาจแนะนำตัวเองว่ามันคือ 'ความแตกร้าว' และ 'ความเศร้า'


...พวกมันต้องการจะจับความรักไป...


เด็กน้อยที่ชื่อความประทับใจร้องไห้จ้า มันกลัวเหลือเกิน ยิ่งร้องไห้ ร่างบอบบางนั้นยิ่งจางลงราวกับจะสลายไป...
ความผูกพันโผเข้ากอดความประทับใจแน่น... เขาค่อยๆปลอบจนความประทับใจหยุดสะอื้น...


ร่างกายของเด็กน้อยนั้นกลับมามีรูปร่างดังเดิม...
ในขณะที่ปีศาจทั้งสองตนมีสีหน้าตื่นกลัว...ร่างของมันเองที่กำลังสลายไปช้าๆ


ความรักกับความจริงใจเห็นดังนั้นจึงกอดเด็กน้อยทั้งสองแน่น ร่างทั้งสี่กอดกันกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ความแตกร้าวและความเศร้ากรีดร้อง...


...แล้วมันก็สลายไป


ทั้งสี่ส่งยิ้มให้กัน...พวกเขาทำสำเร็จแล้ว!



ทันใดนั้นเอง... แสงสว่างก็แยงจ้าไปทั่ว... ความรักรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังลอยขึ้นช้าๆ...
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู...

เสียงปริศนาที่มีชื่อว่า 'ความสุข' ดังก้อง...


"พวกเจ้าเข้าใจแล้วใช่ไหม? ว่าทำไมข้าถึงให้พวกเจ้ามาเดินทางร่วมกัน...


...นับตั้งแต่วันนี้ไป...พวกเจ้าจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ข้าจะให้ชื่อของพวกเจ้าว่า 'ความสัมพันธ์' "



...ทั้งสี่ถูกรวมเป็นคนใหม่คนเดียวกัน...ร่างกายที่ดูแข็งแกร่งและมั่นคงกว่าเดิม...และพร้อมเผชิญกับทุกปัญหา...

พวกเขาเข้าใจแล้วว่า...เขาเกิดมาทำไม...

มีความรัก ความจริงใจ จึงเกิดความประทับใจ แล้วกลายเป็นความผูกพัน
บางครั้งอาจจะมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้เกิดความแตกร้าวและความเศร้า อาจจะทำให้ความประทับใจลดน้อยลง
แต่ความผูกพันก็ยังเหนี่ยวรั้งทุกอย่างเอาไว้...

...แต่สุดท้าย ทุกอย่างจะผ่านไปได้ต้องมีพื้นฐานคือความรักและความจริงใจ... นี่แหล่ะค่ะ ความสัมพันธ์ของคนส

ความรักกับความผูกพัน

มาแล้ว...หลังจากการเจ็บป่วยที่ไม่มีวันลืมของก้อย ขอบคุณซาวน่าอย่างแรงกล้าที่ทำให้ก้อยทรุด และตัดสินใจที่จะผ่าตัด

ไม่งั้นคงยังดื้อรั้นที่จะฝืนต่อไป ที่จะไม่ผ่า เอิ๊กๆๆๆ ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ปลอดภัยทุกอย่างเหมือนตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้ง

ขอขอบคุณ ครอบครัวของก้อย ที่ให้การดูแลเป็นอย่างดี รวมทั้งพี่ๆน้องในบอร์ดทุกคน

และ แม็กสุดที่รักของก้อยด้วยที่ส่งกำลังใจผ่านหัวใจก้อยมาเสมอ อิอิ

วันนี้มีบทความมานำเสนอ เรื่องความผูกพันกับความรักนะคะลองอ่านกันดูนะ



"ความรัก" กับ "ความผูกพัน" ต่างกันอย่างไรหนอ?

ความรัก..กับ ความผูกพัน หน้าตาคล้ายกัน ..

เหมือนซ้าย - ขวา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ ...

รู้สึกว่า .. คิดถึง .. แล้วมาหา คือ .. รัก

รู้สึกว่า .. เคยมาหา .. เลยมาหา คือ .. ผูกพัน

รู้สึกว่า .. หิว .. แต่อยากรอ คือ .. รัก

รู้สึก ว่า .. อิ่มแล้ว .. อยากเอามาฝาก คือ .. ผูกพัน

รู้สึกว่า .. อยากให้เวลากัน และกัน คือ .. รัก

รู้สึกว่า .. อยากใช้เวลา ด้วยกัน คือ .. ผูกพัน

รู้สึกว่า .. หงุดหงิด คือทำให้อีกคนไม่สบายใจ คือ .. รัก

รู้สึกว่า .. โกรธคือทำให้อีกคนสำนึกบ้าง คือ .. ผูกพัน

รู้สึกว่า .. ไม่มี นาทีไหนไม่คิดถึง คือ .. รัก

รู้สึกว่า .. นาทีไหนที่ว่างจะคิดถึง คือ .... ผูกพัน

ขอบคุณเหลือเกิน .... ความผูกพัน .. ที่ทำให้รัก

ขอบคุณเหลือเกิน .. รักที่เป็นมากกว่า .. ความผูกพัน

ว่าแต่คุณเคยไหม? ที่รักใครคนหนึ่ง ด้วยความรู้สึก ว่า ..

เคยผูกพันเหมือนเคยรักกัน ..

แล้วพลัดพราก ต้องมาตามหากันเป็นแรมปี

ถ้าเคยรู้สึกอย่างนี้ ยามที่มองแววตาใครคนนั้น ..

แล้วรู้สึกอยากอยู่ข้าง ๆ

เพื่อคอยกางแขนปกป้องและดูแลไปตลอดชีวิต

ความรู้สึกนั้น .. เรียกว่า รักและผูกพัน

ความรู้สึกที่ .. มิอาจพรากจากกัน ได้อีกแม้เพียงหนึ่งเสี้ยววินาที …….

เพราะฉะนั้น เราควรจะรู้สึกทั้งรักและผูกพันกับคนที่เรารักนะคะ แล้วจิไปด้วยกันยืนยาว อิอิ

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ความสุขที่ยิ่งใหญ่ของก้อย



ก้อยทำอะไรพิเศษมาให้กับคนพิเศษของ ก้อยในวันวาเลนไทน์ด้วย อิิอิ หลายคนอาจจะมองว่ามันเล็กน้อยกับการทำแบบนี้ แต่ก้อยคิดว่ามันยิ่งใหญ่สำหรับก้อย และมันทำให้ก้อยมีความสุขเมื่อก้อยได้ทำหลายๆสิ่งให้คนที่ก้อยรัก และทำไปโดยไม่เคยคิดว่าจะได้อะไรตอบแทนจากเขา เพราะแค่เขารับรู้และดีใจกับสิ่งที่เราทำให้นั่นมันก็คือความสุขของก้อย (ขอให้เรารักกันตลอดไปนะแม็กซี่ อิอิ ) มาดูกันเลยดีกว่าว่าเป็นไร ......... มันกะคือบันทึกย่อแต่ละคำพูดที่แฟนก้อยเปลี่ยนแสนจะบ่อยที่ใช้ใน MSN ซึ่งก้อยกะคิดว่าคนบ้าไรจิเปลี่ยนทุกวันขนาดนี้ อิอิ แต่มานั่งคิดว่าคนที่บ้ากว่าสงสัยจิเป็นก้อย เพราะบ้าอะไรแค่คำบันทึกย่อ ก็เอามานั่งจดนั่งจำและทำดิสเพลย์ออกมาอะ 5555 กะมันเป็นความสุขนี่นาาาาา มาดูกันดีกว่าว่ามีไรบ้าง อิอิ ขอบอกว่าทำเองทุกรูป มิได้ลอกเลียนแบบใครทั้งเส้นนน เป็นคำพูดที่ํธรรมดาแต่ว่าโดนนนนนนใจ
















อยากจะเอื้อนเอ่ยก่อนวันวาเลนไทน์


ขณะนี้เวลา 05.01 นาทีของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2553 หลายคนอาจตื่นแล้วเพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปเริ่มเช้าของวันใหม่ของการทำงาน แต่สำหรับก้อยยังไม่ได้นอนเลย 5555

พรุ้งนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2553 เป็นวันวาเลนไทน์ แถวบ้านเรียกวันแห่งความรักนะคะ อิอิ ก็สำหรับคนที่มีคนรักแล้วและได้อยู่กับคนที่เรารักก็ต้องน่าอิจฉาเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับคนที่ยังไม่มีคนรัก ก็ขอให้เจอคนที่รักในวันวาเลนไทน์ปีนี้ด้วยนะคะ...

สำหรับก้อยนั้น วันวาเลนไทน์ปีนี้ เป็นปีที่พิเศษที่สุดดดดดดดด ถึงแม้จะไม่ได้อยู่กับคนที่เรารัก แต่เราไม่เคยคิดว่าเราห่างกันไกลแม้แต่น้อย เรายังคงคุยกันทุกวัน มีหวานบ้าง แหวกแนวบ้าง ตามประสาคนรักกัน ไม่มีของขวัญพิเศษ ไม่มีดอกไม้ช่่อใหญ่ แต่สิ่งที่ก้อยอยากได้จากคนที่ก้อยรักนั้น ไม่ใช่สิ่งของที่มีค่าเหมือนคู่อื่น แต่ก้อยอยากได้ความรักที่จริงใจ ที่เขาตอบแทนก้อยและให้ก้อยด้วยใจของเขา ถึงแม้มันจะเป็นแค่คำพูดที่เราพูดกันเสมอ อาจดูซ้ำซาก แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ มันคือกำลังใจและความสุขที่ทำให้ก้อยยิ้มได้ หัวเราะได้ และ ทำให้เหงาได้เช่นกันเมื่อเราคิดถึงเขามาก อิอิ

การที่เรารักใครสักคนหนึ่งสำหรับก้อยนั้น รักก็คือรัก เราไม่จำเป็นต้องไปนั่งหาเหตุผลว่าทำไมเราถึงรักคนๆนี้ได้ เมื่อใดที่เราหาเหตุผลได้ว่าเรารักเขาเพราะอะไร เมื่อเวลาผ่านไปแล้วเขาไม่สามารถที่จะเป็นไปได้อย่างเหตุผลที่เราคิด มันจะทำให้เรารักเขาน้อยลงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นอย่ามีเลยดีกว่าเหตุผล แค่ฉันรักเธอ เธอรักฉัน และเรารักกันก็พอ นี่ละเหตุผลสำคัญที่สุดของความรัก

หลายคู่เลิกกันเพราะมีเหตุผลเข้ามาในความรัก ... ถ้าเราคิดว่าเหตุผลที่ชอบคนๆหนึ่งเพราะว่า เธอคุยเก่ง น่ารัก สวย เพียบพร้อมทุกอย่าง ถ้าหากวันหนึ่ง เธอคนนั้นพูดไม่ได้ ไม่น่ารักและไม่สวยเหมือนเดิม ไม่เพียบพร้อมเหมือนเดิม เมื่อเธอไม่สามารถเป็นอย่างที่เราเคยคิดได้นั้น มันจะทำให้คุณมองเธอในแง่ลบลง? เพราะฉะนั้นเหตุผลของความรักเป็นตัวที่ทำให้เกิดอุปสรรคของความรักขึ้นเสมอ

สุดท้ายและท้ายสุด ก็ขอให้ทุกคนรักกันยืนยาว และสมหวังกันทุกคู่ไปนะคะ ปัจจุบันนี้ชายหญิงมีจำนวนไม่เท่ากัน หากคุณรอที่จะเจอเนื้อคู่คุณอาจจะต้องขึ้นคานทั้งชีวิต เนื้อคู่ไม่ได้อยู่ที่ฟ้าดินกำหนด แต่คุณทั้งสองจะเป็นคนกำหนดว่าคนทีคบอยู่นั้นใช่เนื่อคู่ของคุณหรือไม่ หากรักเขาและเขาก็รักคุณ คุณก็คือเนื้อคู่ของกันและกัน

อย่ารักคนๆหนึ่งที่หน้าตา...เพราะมันสามารถร่วงโรยตามธรรมชาติ
อย่ารักคนๆหนึ่งเพราะคิดว่าเขาดีทุกอย่าง...เพราะเมื่อเขาทำผิดขึ้นมาคุณจะมองเขาในแง่ไม่ดีและอาจจะไม่ให้อภัยเขาได้
อย่ารักคนๆหนึ่งเพราะคิดว่าเขามี...เพราะถ้าวันหนึ่งเขาไม่มีคุณอาจทิ้งเขาไปได้
อย่ารักคนๆหนึ่งเพราะคิดว่าเขาทำดีกับคุณทุกอย่าง เป็นห่วง เอาใจใส่ ดูแลทุกอย่าง...เพราะถ้าวันหนึ่งเขาไม่สามารถที่จะทำได้ คุณจะทำอย่างไร

รักนั้นสำคัญที่ใจเรา เราจะมองเค้าอย่างไร ขึ้นอยู่กับเรา เขาอาจมีทั้งด้านดีและด้านลบ
นี่ไม่ใช่หรอที่ทำให้เรารักเขาเพราะเขาเป็นคนแบบนี้... แล้วจะไปหาเหตุผลทำไมกันว่ารักเพราะอะไร หากบังเอิญเขาถามเราก็ตอบไปว่า " ก็รักที่เป็นอยู่นี่ละ ไปนั่งนึกดูสิว่าเป็นยังไง" เขาก็จะเลิกถามคุณ เพราะก้อยเชื่อว่าเขาคงไม่ไปนั่งสำรวจตัวเขาเองหลอกว่าเขาทำอะไรทำไมคุณถึงรักเขา เพราะเขาคงขี้เกียจ 5555 ( เป็นความคิดที่ดีใช่ไหมคะ)


สัญญานะว่าจะรักกันตลอดไป






รวมกริตเตอร์น่ารัก ต้อนรับวาเลนไทน์










เอะๆๆทำไมคุ้นๆๆ ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

อิอิ คุ้นตาและคุ้นใจที่สุด มะใช่น้ำเน่ากับเงาจันทร์นะ

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

i miss u

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

ก๊ากกกกกกก แล้วอยากเป็นคนประเภทไหน อิอิ




คนใจเย็น...คนที่กลั้นผายลมจนถึงจุดระเบิด
คนไม่จริงใจ...คนที่ผายลมแล้วหันไปจ้องหน้าเด็กคนข้าง ๆ
คนงก...คนที่ชอบยืนดมกลิ่นผายลมของตัวเอง
คนขี้โอ่...คนที่ผายลมเสียงดังสนั่นแล้วยืนหัวเราะชอบใจ
คนโชคร้าย...คนที่พยายามผายลมขณะเอามือตบโต๊ะไปด้วย แต่พลาดจังหวะ
นักวิทยาศาสตร์...คนที่สามารถวิเคราะห์ได้หลังจากสูดกลิ่นผายลมเข้าไปว่า
อาหารก่อนหน้านั้นประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน อย่างละกี่เปอร์เซ็นต์
ซาดิสต์...คนที่ผายลมในผ้าห่มแล้วกดหัวคู่นอนให้เข้าไปดม
คนเจ้าเล่ห์...คนที่ผายลมพร้อมกับไอกระแอมเบาๆ
คนสุภาพ...คนที่กล่าวขอโทษก่อนและหลังการผายลมแม้จะอยู่เพียงคนเดียว
ผู้ดี...คนที่กลั้นผายลมไว้หลายชั่วโมงจนท้องอืด เพื่อเก็บไว้กลับไปผายลมที่บ้าน
คนมั่นคง...คนที่ผายลมเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง และยาวนาน
คนอำมหิต...คนที่ผายลมไร้เสียง แต่กลิ่นเหม็นร้ายกาจ
คนดีแต่พูด...คนที่ผายลมดังปัง แต่ไร้กลิ่น
คนหลายใจ...คนที่ผายลม ปัสสาวะ และอุจจาระในเวลาเดียวกัน
แพทย์...คนที่ล้างมือก่อยผายลม
คนใจบุญ...คนที่ยืนผายลมเหนือลม ให้ทุกคนรับอานิสงค์โดยทั่วกัน

บทความตลกๆ




นักเดินทาง 3 คน หลงป่าไปเจอเผ่ากินคน วันนั้นเป็นวันเกิดของหัวหน้าเผ่า ท่านหัวหน้าจึงคิดจะทำบุญ
จึงสั่งว่า "วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่พววกเจ้าต้องเข้าป่าไปเก็บผลไม้คนละ 10 ผล
ต้องเป็นชนิดเดียวกันใน 10 ผลนั้น ไปได้" ทั้ง 3 คนรีบเข้าป่าไปทันที สักครู่ คนแรกก็กลับมาพร้อมกับ
มะม่วง 10 ผล หัวหน้าเผ่าสั่งว่า "เจ้าจงนำผลไม้นั้นยัดไปในก้นของเจ้าทีละลูกให้ครบ โดยห้ามทำหน้าตา
ใดๆทั้งสิ้น มิฉะนั้น จะถูกฆ่าทิ้ง" ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ทำตามทันที แต่พอถึงลูกที่ 2 ก็เผลอทำหน้าเหยเก
ออกมา จึงถูกฆ่า ต่อมา ชายคนที่ 2 ก็กลับมาพร้อมเชอร์รี่ 10 ผล รายนี้ถูกสั่งให้ทำแบบเดียวกันก็รีบทำตามทันที
แต่เมื่อถึงลูกที่ 9 ก็เผลอปล่อยก๊ากออกมา จึงถูกฆ่าเช่นกัน บนสวรรค์ ชายคนแรกถามอีกคนว่า
"แกหัวเราะออกมาทำไมวะ ทั้งๆที่ยัดลูกที่ 9 แล้วเชียว" ชายคนที่ 2 ตอบว่า
"ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็ตอนยัดลูกที่ 9 น่ะ ข้าเห็นพวกเราอีกคน อุ้มทุเรียนตั้ง 10 ลูกกลับมา !"

เมื่อเรารักกัน




เมื่อเรารักกัน...ไม่ต้องคิดว่าจะโง่หรือจะฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า...ถ้าเชื่อเค้าแล้วเราจะโง่ในสายตาใคร ๆ
ไม่ต้องคิดว่า...ถ้าเปิดหูตารับฟังปากชาวบ้านเป็นการฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า...ถ้าเชื่อว่าเค้ารักเราคนเดียวเป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่า...ถ้ารู้ว่าเค้าทำอะไรเพื่ออะไรเป็นเรื่องฉลาด
ไม่ต้องคิดว่า...ถ้าให้โอกาสเค้าเรื่อย ๆ เป็นเรื่องโง่
ไม่ต้องคิดว่า...ถ้าตั้งกฎเกณฑ์แล้วจะฉลาด

เมื่อคนเรารักกัน...เราไม่ได้เล่นเกม
ไม่ใช่...เล่นหมากรุกที่ต้องมองเชิงกันก่อน
ไม่ใช่...เล่นวิ่งไล่จับคนหนึ่งหนีคนหนึ่งวิ่งตาม
ไม่ใช่...เล่นซ่อนหาต้องตามจิกตามหาตลอดเวลา
ไม่ใช่...เล่นโยนเหรียญสุ่มเอาว่าจะหัวหรือก้อย

เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดลอง action = reaction
เวลาเราให้เค้าไป...ไม่จำเป็นว่าต้องได้รับกลับ
เวลาเค้าโมโหใส่...ไม่จำเป็นต้องโมโหกลับ
เวลาเค้าทำไม่ดีกับเรา...ไม่จำเป็นต้องทำบ้าง
เวลาเค้าไม่ทำดีให้...ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรทำให้เค้า

เมื่อเรารักกัน...เราไม่ได้ทดสอบทฤษฎี Demand & Supply
ไม่เสมอไป...ที่ต้องการความรักมาก ๆ แล้วเค้าจะมีให้เราน้อย
ไม่เสมอไป...ที่ให้ความรักเค้ามาก ๆ แล้วราคาความรักจะต่ำ
ไม่เสมอไป...ที่จะมีจุดที่ความต้องการเท่ากับความรักที่ให้

เมื่อเรารักกัน....
ไม่จำเป็น...ต้องหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ทุกอย่าง
ไม่จำเป็น...ต้องกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
ไม่จำเป็น...ที่ต้องบอกเค้าว่า "
เค้าคงไม่เห็นคุณค่าของสิ่งของที่เค้ามีถ้าเค้ายังไม่เสียมันไป"

รักกันไม่จำเป็นต้องขู่กันเรื่องความสำคัญ
รู้อยู่ในใจก็พอ...ว่าเรารักกัน

จำไว้ให้แน่นใจ...กับเรื่องดี ๆ ที่เค้าพูด
จำไว้ให้อบอุ่นใจ...กับสิ่งดี ๆที่เค้าทำให้เรา

ค้นมันออกมาเวลาเหงาใจ
ค้นมันออกมาเวลาไม่มั่นใจ
ค้นมันออกมาเวลาเสียใจ

เพราะว่าเวลาใจเราอ่อนแอ
สิ่งดี ๆ ของเราสองคนมักจะหายไป
อย่าปล่อยให้มันหายไป....เพราะ
คนที่เค้าเคยทำให้เราอาจจะเสียใจ
ที่เราหลงลืมเรื่องดี ๆ เหล่านั้นแล้ว
Keep asking all the time
...เมื่อเรารักกัน....ไม่มีนิยามของแต่ละคู่....

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

โครตจะซึ้ง ผู้ชายแบบนี้มีที่ไหน





เมื่อเรารักกันแล้ว

ตั้งแต่แรกเริ่ม
ครอบครัวของหญิงสาวก็กีดกั้นไม่ให้หญิงสาวคบกับชายหนุ่ม บอกว่าบ้านชายหนุ่มไม่มีฐานะเทียบเท่าบ้านเธอ
ถ้าหญิงสาวไปอยู่กับชายหนุ่มก็จะต้องทนลำบากทั้งชีวิต ความกดดันจากทางบ้านทำให้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีเสมอ
และทะเลาะกับชายหนุ่มอยู่เรื่อย หญิงสาวนั้นรักชายหนุ่มมาก เธอถามชายหนุ่มบ่อยครั้งว่า
"เธอรักฉันมากขนาดไหน?" แต่ชายหนุ่มเป็นคนพูดไม่เก่ง ทำให้หญิงสาวโกรธเขาหลายครั้ง บวกกับคำพูดของพ่อแม่เธอ ยิ่งทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอ เขาก็ทนยอมรับอย่างเงียบๆโดยไม่ว่าหญิงสาวเลยสักคำ หลังจากนั้น ชายหนุ่มเรียนจบมหาลัยแล้ว ตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก่อนไป เขาเอ่ยปากขอแต่งงานกับหญิงสาว
"ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง ปากไม่หวาน แต่ผมรู้ว่าผมรักคุณมาก ถ้าคุณตกลงใจยินดี ผมก็จะดูแลปกป้องคุณตลอดชีวิต สำหรับครอบครัวคุณ ผมจะพยายามทำให้พวกเขายอมรับในตัวผม แต่งงานกับผมเถอะนะ ได้ไหม?"

หญิงสาวตอบตกลงชายหนุ่ม และด้วยความพยายามของชายหนุ่ม พ่อแม่ของหญิงสาวก็ยอมรับเขา ในที่สุด
ชายหนุ่มและหญิงสาวได้หมั้นกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะไปเมืองนอกไม่นานนัก
ชายหนุ่มไปเรียนหนังสืออยู่ต่างแดนเพียงลำพัง ส่วนหญิงสาวก็คงยังอยู่ภายในประเทศ และออกมาทำงานแล้ว
ชายหนุ่มไม่อาจกลับมาเยี่ยมหญิงสาวได้ เพราะเขาต้องใช้เงินอย่างประหยัด
ส่วนหญิงสาวก็ไม่มีเวลาไปหาชายหนุ่มได้ ทั้งสองจึงได้แต่เพียงติดต่อกันผ่านโทรศัพท์และจดหมาย
แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงยังมั่นคงมิได้เปลี่ยนแปลงสักนิด วันหนึ่ง หญิงสาวออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ
ระหว่างทางที่เดินไปสู่ป้ายรถเมลล์ มีรถคันหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าหาเธอ............
เมื่อหญิงสาวฟื้นขึ้นมา เธอเห็นพ่อแม่อยู่ข้างเตียง ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส
โชคยังดีที่ว่าไม่ถึงกับชีวิต หญิงสาวเห็นพ่อแม่เธอร้องไห้โศกเศร้าไม่หยุด
จึงเอ่ยปากคิดจะปลอบโยนพวกเขา แต่เธอได้พบว่า... เธอพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยสักคำ
เธอพยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาให้ได้ แต่ก็ทำได้แค่มีเสียงคล้ายเสียงหอบเท่านั้น
หญิงสาวกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว... หมอบอกว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ หญิงสาวนอกจากบาดเจ็บที่ขาแล้ว
สมองยังถูกกระทบกระเทือน เพราะฉะนั้นหญิงสาวจะพูดอะไรไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต
หญิงสาวได้แต่รับฟังคำปลอบโยนของพ่อแม่เธอ แต่เธอไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้เลย หญิงสาวสิ้นหวังแล้ว...
หญิงสาวได้แต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน...
หลังจากนั้น หญิงสาวออกจากโรงพยาบาลและพักอยู่ที่บ้าน
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นเดิม
มีแต่เพียงเสียงโทรศัพท์ในห้องเธอ
กลายเป็นฝันร้ายที่มาทรมานเธอ
แต่ละครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง
เป็นเหมือนดังมีดคมทิ่มแทงเข้าไปในใจเธอ
ความทรมานที่เธอต้องทนรับก็ไม่อาจจะบอกให้ชายหนุ่มรู้ได้
เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา
จึงเขียนจดหมายบอกชายหนุ่มว่าเธอไม่อยากจะรอเขาอีกต่อไป
เธอกับเขาจบสิ้นกันแล้ว และเธอก็ส่งแหวนหมั้นกลับไปให้เขาด้วย
หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรได้กับจดหมายและโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่มีมาไม่ขาด

เธอได้แต่น้ำตาไหลรินเต็มหน้าทุกวัน
พ่อของหญิงสาวไม่อาจทนเห็นเธอต้องทนทรมานเช่นนี้อีกต่อไป
จึงตัดสินใจย้ายบ้าน
หวังอยากให้หญิงสาวลืมความทุกข์นั้นและอยู่อย่างมีความสุขมากกว่านี้
เมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว หญิงสาวก็ดีขึ้นหน่อย
เธอค่อยๆหัดเรียนใช้ภาษามือแทนคำพูด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่
เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าให้ลืมชายหนุ่มเสีย
วันหนึ่ง เพื่อนสนิทของหญิงสาวบอกกับเธอว่า ชายหนุ่มกลับมาแล้ว
และออกตามหาเธอไปทั่ว หญิงสาวขอร้องเพื่อนเธอว่า
อย่าบอกเรื่องของเธอให้ชายหนุ่มรู้ เรียกให้เขาลืมเธอเสีย
หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของชายหนุ่มอีกเลย
เวลาผ่านไปได้ปีกว่า เพื่อนของหญิงสาวมาบอกกับเธออีกว่า
ชายหนุ่มจะแต่งงานแล้วและขอร้องให้เธอเอาการ์ดแต่งงานมาให้หญิงสาว
หญิงสาวได้รับฟังแล้วก็เศร้าใจมาก
เธอเปิดการ์ดนั้นด้วยมือสั่น
แต่กลับเห็นชื่อเธอเองบนการ์ดใบนั้น

เมื่อหญิงสาวกำลังจะถามเพื่อน ชายหนุ่มก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ
ใช้ภาษามือที่แข็งกระด้างบอกกับหญิงสาวว่า

"ผมใช้เวลาปีกว่าที่ผ่านมา
บังคับให้ตัวเองหัดใช้ภาษามือให้ได้ เพื่อที่จะบอกกับคุณว่า
ผมไม่เคยได้ลืมสัญญาระหว่างเราสองคนเลย
โปรดให้โอกาสผมได้เป็นเสียงให้แทนคุณ ผม-รัก-คุณ

บทความกินใจ ที่อ่านทีไรน้ำตาไหลทุกเทๆๆ (เก่าแต่ซึ้ง)







....ในขณะที่เราคิดถึงคนคนหนึ่งตลอดเวลา....

เขาคนนั้น...ก็อาจคิดถึงคนอื่นอยู่ก็เป็นได้...

และบางครั้ง...ก็อาจมีคนที่คิดถึงเรา...โดยที่เราไม่ได้สนใจเลยเช่นกัน

....บางครั้ง การได้ฝันไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการได้รู้ความจริงที่ว่า

สิ่งที่เราคิดทั้งหมดนั้น มันคือ "ความฝัน" ของเราเองเพียงคนเดียว

....ฉะนั้น ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ เลือกที่จะจมกับความฝัน

มากกว่าการได้รู้ความจริง

....การไม่ได้เป็นที่ 1 ในใจเขา ไม่ใช่เรื่องน่าเศร้า....

เราอาจเป็นที่ 2 ซึ่งมันก็ยังดีกว่าเป็นที่ 3 ที่ 4

และถ้าหากเราเป็นที่ 10 ในใจเขา...ก็ขอให้คิดไว้ว่า...

ดีกว่าเราไม่มีความสำคัญอะไรในใจเขาเลย

....แต่โปรดจำไว้เถอะว่า....ไม่ว่าเธอจะรู้สึกเหนื่อยล้าเพียงใด

ก็ขอให้เธอจง "รัก" ต่อไป

เพราะการ "รัก" ใครสักคนนั้น ไม่ต้องการ "ความพยายาม"

"การตัดใจ" ต่างหากที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากมาย

....ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า....ความสุขยามที่ได้สบตาเขา

กับความทุกข์ยามที่เธอต้องคอยหลบตาเขา อันไหนมันหนักหนากว่ากัน

++อย่าโทษตัวเอง ที่มาเจอเขาสายเกินไป++

++อย่าโทษเขา ที่ไม่มีใจให้++

++อย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เราพบกัน แต่ไม่ได้ทำให้ใจเราตรงกัน++

.....แต่จงยิ้มให้กับตัวเอง ที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเขาคนนั้นสายเกินไป แต่ก็ยังได้พบ..

......ยิ้มให้กับเขา ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา แต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป..

......ยิ้มให้กับโชคชะตา ที่ยังทำให้เรา ได้รู้จักกัน ..

เธอควรจะดีใจด้วยซ้ำ ที่ครั้งหนึ่ง

เธอได้พบกับคนที่เธอใส่ใจมากกว่าตัวของเธอเอง

คนที่ทำให้เธอ "หัวเราะ" และ "ร้องไห้ " ได้มากมาย

คนที่เธออยากเก็บ "รอยยิ้ม" ของเขาไว้คนเดียว

คนที่เพียงแค่ยิ้มของเขา ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น ให้กลายเป็นวันที่สดใส

.....เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?.....

แค่การได้เห็นคนที่เรารัก ได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เขารักมากที่สุด

...นั่นแหละ คือ ความสุขของการได้ "รัก" อย่างจริงใจ

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

71เรื่องของผู้หญิงที่ผู้ชายอยากรู้แต่ไม่กล้าถาม




1. เวลาผู้หญิงเข้าห้องน้ำ จะเปิดซิปกระโปรงหรือถลกเอา?
ตอบ : แล้วแต่สะดวก แต่ส่วนมากถลก
2. ผู้หญิงสวมกระโปรงยาวเป็นคนเรียบร้อยใช่ไหม?
ตอบ : ไม่เสมอไป อาจเป็นแฟชั่น
3. มีเสื้อผ้าเต็มตู้ จนไม่มีช่องว่างให้แมลงสาบหายใจ แต่ทำไมยังบอกว่าไม่มีอะไรจะใส่?
ตอบ : ก็หาที่ถูกใจกับอารมณ์วันนี้ยังไม่ได้ หรืออาจจะเรียกให้ดูดีหน่อย อาจจะบอกว่า เพื่อความเหมาะสมกับสถานกา
ในแต่ละวัน หรือว่าแฟชั่นช่วงนั้นๆ
4. ทำไมผู้หญิงต้องมุ่งมั่นเอากับการทำให้ผมตรงเรียบ แบบเอาเป็นเอาตายด้วย?
ตอบ : แล้วจะให้มันยุ่งทำไมละ
5. สวมร้องเท้าส้นสูงแหลมๆ ทำไมถึงทรงตัวได้?
ตอบ : เป็นพรสวรรค์ตั้งแต่ชาติก่อน
6. เจ้ามาสคาร่านะ มันจะทำให้คุณดูดีขึ้นเหรอ?
ตอบ : โคตรๆ ถ้ายาวทิ่มตาผู้ชายได้ จะแฮปสุดๆ
7. น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เป็นโศกนาฏกรรมชีวิตเลยหรือ?
ตอบ : ไม่ใช่แค่น้าหนัก แต่รวมถึงเอว ตะโพก พุง ต้นแขน ต้นขา และรอบคอ
8. ต้องการอะไร ทำไมไม่พูดตรงๆ และทำไมต้องคิดว่าผู้ชายต้องเป็นผู้หยั่งรู้ดินฟ้าด้วย
ตอบ : อ้าว ไม่รู้นี่ว่าผู้ชายไม่ฉลาด
9. เวลาคนอุ้มท้อง นอนหงายหรือนอนตะแคง?
ตอบ : ทั้งสองอย่าง แล้วแต่ความเมื่อย
10. ทำไมต้องเติมแป้งที่ใบหน้าอยู่ตลอดเวลา
ตอบ : อยากสวย
11. เป็นโสดทำไม?
ตอบ : ที่หาได้ก็ไม่ดี ที่ดีๆ ก็หาไม่ได้
12. ผู้หญิงตายด้าน มีหรือเปล่า?
ตอบ : ผู้หญิงที่ตายด้านก็เพราะคำตอบข้อ 11 นั่นแหละ
13. ทำไมต้องมีร้องเท้าหลายสิบคู่ด้วย มันต่างกันยังไง?
ตอบ : ทำไมผู้ชายถึงชอบมีเมียที่ละหลายคน มันต่างกันยังไง
14. ทำไมฝีมือการขับรถของผู้หญิงไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย?
ตอบ : ก็เพิ่งรู้ตอนคุณถาม แต่ผู้หญิงก็ไม่ได้เมาแล้วขับ เอ๊อๆๆๆ
15. ทำไมผู้หญิงชอบกินผลไม้ดอง?
ตอบ : แล้วทำไมผู้ชายชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่
16. เวลาคุณเสยผมแปลว่าเชิญชวนใช่ไหม?
ตอบ : ไม่ว่ากันถ้าจะคิดอย่างนั้น ขนาดผู้หญิงด่าคุณ ยังหาว่า ผู้หญิงชอบ
17. กระเป๋าสะพายราคาเป็นหมื่นๆ นั้น มันวิเศษยังไง?
ตอบ : แล้วสุราราคาแพงๆ ทำไมคุณบอกว่าอร่อยกว่าราคาถูก ทั้งๆ ที่ดื่มแล้วก็เมาเหมือนกัน
18. กลัวลิปสติกเลอะเวลากินข้าว แล้วทำไมต้องทาก่อนออกไปกินข้าวด้วย?
ตอบ : คำตอบเดียวกันกับ คุณรู้ว่าเที่ยวผู้หญิง นอกใจเมีย เสี่ยงต่อการเป็นเอดส์ แล้วทำทำไม
19. ส้มตำเป็นยาอายุวัฒนะเหรอ?
ตอบ : ก็อยากผอม สวย และเอาใจผู้ชายอย่างคุณไง
20. ผู้หญิงสวมกระโปรงสั้น เพราะอยากอวดให้ผู้ชายเห็นเรียวขาหรือเปล่า?
ตอบ : ใช่ ไม่ได้แค่อวดกับผู้ชายนะกับผู้หญิง ถ้าฉันขาสวย ฉันก็อยากอวดพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน
21. ในการปฏิบัติกิจพิเศษ ผู้หญิงสามารถรับได้สูงสุดกี่หนในคราวเดียว?
ตอบ : ผู้ชายทำได้กี่หนก็รับได้เท่านั้นแหละ ว่าแต่ทำได้หรือเปล่าเหอะ
22. เสื้อชั้นใน ตะขอหน้ากับตะขอหลัง มันต่างกันตรงไหน?
ตอบ : ตะขอหน้าสำหรับผู้ชายมือใหม่ ตะขอหลังสำหรับขั้นเทพ คุณละ ขั้นไหน
23. เวลามีรอบเดือน เจ็บปวดหรือเปล่า?
ตอบ : เจ็บปวด ไม่ทุกคนและก็ไม่ทุกครั้ง
24. คุณซักกางเกงในกันบ่อยแค่ไหน?
ตอบ : บ่อยเท่าที่จะทำได้ นุ่งซ้ำไม่ลงเหมือนคุณหรอก
25. ผู้ชายเก่งกับผู้ชายรวย อย่างไหนมีน้ำหนักกว่ากัน
ตอบ : ถ้าทั้งเก่ง ทั้งรวย น้ำหนักจะดีมากๆ
26. ทำไมคุณเดินช้อปปิ้งโดยที่ไม่เหมื่อย ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อกันเลย
ตอบ : เวลาที่คุณดื่มสังสรรค์กับเพื่อนคุณถึงสว่าง คุณไม่อยากเลิก ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ไม่กลัวเมียเวลาเข้าบ้านบ้างหรือ
27. เพชรมันสวยยังไง ทำไมใฝ่ฝันจะเป็นเจ้าของกันหนักหนา
ตอบ : ก็มันสวยกว่าก้อนหินนี่
28. คุณนอนหลับท่าไหนกันบ้าง
ตอบ : ทุกท่าที่ทำให้หลับสบาย
29. จุดยุทธศาสตร์ของผู้หญิงน่ะ จริงๆแล้วมีตรงไหนบ้าง
ตอบ : ถามแฟนคุณจะดีที่สุด
30. คุณเคยช่วยตัวเองใช่ไหม
ตอบ : คุณถามเพราะไม่รู้จริงๆ เหรอ
31. ผู้หญิงบ้างคนทำอาหารไม่เป็นเลยจริงๆ หรือว่าแกล้งทำ
ตอบ : ทำน่ะ มันทำได้ แต่จะขาดรสอร่อย
32. ทำไมผู้หญิงวิตกจริตกันเอามากๆ
ตอบ : คุณเรียกว่าวิตกจริตแต่ผู้หญิงเรียกว่า กลัว
33. ทำไมผู้หญิงถึงได้ตั้งใจและเรียนเก่งกันนัก
ตอบ : ก็เพราะผู้หญิงขับรถไม่เป็นสับปะรดไง
34. ยามเข้านอน คุณสวมชุดชั้นในกันหรือเปล่า
ตอบ : แล้วแต่คน ส่วนมาก ไม่
35. ทำไมต้องรวบผมครึ่งเดียว
ตอบ : มันจำเป็นที่จะต้องรวบหมดด้วยเหรอ
36. ตอนสวมชุดเกาะอก เปิดไหล่ใส่เสื้อชั้นในกันหรือเปล่า
ตอบ : ใส่บ้าง ไม่ใส่บ้างแล้วแต่ชุด
37. ตอนสวมชุดว่ายน้ำ คุณสวมกางเกงในด้วยหรือเปล่า
ตอบ : คำตอบเดียวกับข้อ 36
38. เคยจินตนาการแบบอีโรติกกับผู้ชายที่กำลังอยู่ตรงหน้าบ้างไหม
ตอบ : ไม่เคยเพราะแค่เจอหน้าก็อารมณ์หดหมดแล้ว แต่ถ้ากับดารา ก็ไม่แน่
39. ชุดโชว์ร่องอกน่ะ อยากให้ผู้ชายดูใช่ไหม
ตอบ : คล้ายๆกับคำตอบข้อ 20
40. ทำไม ต้องอคติกับแม่สามีด้วย (กำลังจะคิดให้มี”วันแม่ยาย”)
ตอบ : อาจจะเพราะรักผู้ชายคนเดียวกันก็ได้มั้ง
41. เอ่อ ! ..คุณชอบท่าไหนมากที่สุด
ตอบ : ทำไมคุณไม่ถามว่าเกลียดท่าไหนที่สุด จะตอบง่ายกว่า
42. คุณจะเปลี่ยนมาเป็นศาสนาเดียวกับผมได้ไหม
ตอบ : ได้ แต่คุณลองให้เหตุผลดีๆ มาซัก 3 ข้อ
43. ถ้ามาอยู่บ้านผู้ชายแล้ว ผู้หญิงเขาจะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านไหม
ตอบ : แล้วทำไมผู้หญิงต้องไปอยู่บ้านคุณด้วย
44. ทำไมผู้หญิงต้องเอาเป็นเอาตายกับวันครบรอบสารพัดวันด้วย
ตอบ : ที่จริงผู้หญิงทุกคนอยากจะรู้ว่าผู้ชายที่รัก จะรักและสนใจอะไร เกี่ยวกับตัวเธอบ้างไหม
45. ผู้หญิงเคยสวมกางเกงในกลับด้านกันบ้างไหม
ตอบ : เคย (โดยส่วนตัวไม่เคย)
46. กางเกงเป้าต่ำน่ะ ใส่สบายดีจริงๆหรือเปล่า
ตอบ : ก็สบายต่อสายตาผู้ชายไง
47. ทำไมต้องให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเลี้ยงทุกครั้งที่ออกเดท
ตอบ : ไม่ได้ตั้งใจ
48. คุณเคยดูหนังโป๊กันใช่ไหม
ตอบ : ใช่ ชอบด้วย
49. ระหว่างเครื่องสำอางกับอาหาร คุณให้อะไรเป็นที่หนึ่ง
ตอบ : เครื่องสำอาง
50. เคยแอบมองเป้าผู้ชายกันบ้างหรือเปล่า
ตอบ : ไม่มองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ได้รูดซิป
51. ทำไมต้องหวง เวลาที่คุณผู้ชายไปสังสรรค์กับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน
ตอบ : ก็เพราะว่าไม่ได้ไปด้วยไง จริงๆ แล้วอยากไปด้วย
52. ทำไมชอบคิดจับผิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นเกย์
ตอบ : เพราะพวกเขาชอบเรียกพวกเราว่า ชะนี
53. คุณแอบชอบเพื่อนของแฟนบ้างไหม
ตอบ : จะชอบเข้าไปได้ยังไง อ้วนดำและขนาดนั้น
54. ทำไมเป็นนักสำรวจมือทองกันจัง ซ่อนอะไรไว้ตรงไหนหาเจอหมด
ตอบ : พรสวรรค์อีกนั่นแหละ
55. ผ่าท้องคลอด หมอผ่าตรงไหน
ตอบ : ใต้สะดือ
56. สวมถุงน่องข้างนอกหรือข้างในกางเกงใน
ตอบ : ข้างนอก (ไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ)
57. ครีมทาหน้าขาวน่ะ ขาวจริงๆ หรือเปล่า
ตอบ : ถามพอนด์ส ดูสิคะ
58. ผู้หญิงอายุมากๆ ยังมีความรู้สึกทางเพศไหม
ตอบ : ถามญาติผู้ใหญ่คุณดูดีกว่าไหม
59. ทำไมชอบทำสีผมกันจัง ทำไมคิดว่าจะทำให้ดูดีขึ้น
ตอบ : คุณคิดว่าผมสีขาวกับสีดำ สีไหนดูดีกว่ากัน
60. ทำไมต้องหึงหวงอย่างไม่มีเหตุผล
ตอบ : คุณรู้ได้ไงว่าไม่มีเหตุผล เหตุผลมีเป็นพันๆ ข้อ แต่คุณไม่ยอมรับรู้ต่างหาก
61. ทำไมต้องให้โทรหาทุกวัน
ตอบ : จะได้รู้ไงว่าคุณมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
62. การไม่ปฏิเสธ คือการยอมรับหรือเปล่า
ตอบ : ใช่
63. การที่คุณโทรหาผม แสดงว่าคุณชอบผมเข้าแล้วใช่ไหม
ตอบ : เปล่า ฉันชอบเพื่อนคุณต่างหาก
64. คุณแอบชอบแฟนของเพื่อนหรือเปล่า
ตอบ : จะแอบชอบได้ยังไงมีแต่ผู้หญิง
65. การที่คุณเงียบ แปลว่าคุณยอมใช่ไหม
ตอบ : ยอม อาย ลังเล … แล้วแต่ขณะนั้นแต่อยู่ใน 3แบบนี้
66. คุณภูมิใจมากใช่ไหมที่มีรายได้สูงกว่าผู้ชาย
ตอบ : ทำไมไม่คิดให้มีมากกว่าผู้หญิงละ
67. ผู้หญิงแกร่ง ลึกๆ แล้วก็ต้องการผู้ชายใช่หรือเปล่า
ตอบ : ต้องการให้ได้ดั่งใจ
68. คุณร้องไห้เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือเปล่า?
ตอบ : ร้องไห้เพราะเสียใจ ทุกข์ใจ ที่ทำไมผู้ชายดีๆ หายากจัง
69. ทำไมต้องถอนขนคิ้วด้วย
ตอบ : จุดประสงค์เดียวกับการโกนหนวดของผู้ชายนั่นแหละ
70. ทำไมไม่เคยเข้าใจผู้ชายเลย
ตอบ : แล้วคุณน่ะเคยเข้าใจผู้หญิงบ้างหรือเปล่า
71.เวลาเลือกเสื้อผ้า ไมผู้หญิงต้องจับเสื้อผ้าทุกตัวที่อยู่บนราวแขวน
ตอบ : ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากได้ทุกตัวที่อยู่ในร้านนั่นแหละ

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเกาะหนึ่งซึ่งรวบรวมความรู้สึกทั้งหมดอาศัยอยุ่ด้ว ยกัน ความสุข ความเศร้า ความรู้ และอื่นๆๆอีกมากมาย
วันหนึ่ง มีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่าเกาะกำลังจะจมน้ำด ังนั้นทั้งหมดจึงได้ เตรียมเรือเพื่อจะหนีออกจากเกาะ ความรักเท่านั้นที่ตัดสินใจอยุ่บนเกาะความรักต้องการที่จะอยู่จนกระทั้งวินาทีสุ ดท้ายเมื่อเกาะจะจมน้ำความรักจึงตัดสินใจขอความช่วยเ หลือ.......
ความรวยแล่นเรือผ่านมา และตอบว่า "ไม่ได้หรอกเรารับเธอไม่ได้ เพราะว่าเรือฉันเต็มไปด้วยทองและเงิน แล้ว ฉันไม่มีที่ให้เทอ"
ความรักจึงตัดสินใจจะถามเห็นแก่ตัวซึ่งผ่านมาเหมือนก ันด้วย "เรือลำงาม ความเห็นแก่ตัวช่วยฉันด้วย ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอก ความรัก...คุณนะตัวเปียกอาจทำให้เรือฉันเปียกไปด้วย"
ความเศร้าได้พายเรือเข้ามา ความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก "ความเศร้าอนุญาติให้ฉันขึ้นเรือคุณนะ โอ้ความรัก ฉันกำลังเศร้ามากเลยฉันต้องการอยุ่คนเดียว ขอโทษนะ"
ความสุขได้ผ่านความรักไปแล้วเหมือนกัน แต่เขามิได้ยิน.....แม้แต่เสียงร้อง...เรียกขอความช่ วยเหลือของความรักเพราะมันมัวแต่กำลังสุข ทันใดนั้น มีเสียงดังขึ้นมา "มานี่ความรัก ฉันจะรับคุณไปเอง" ความรักขอบคุณและดีใจเป็นอย่างมากจนลืมถามชื่อว่า ใครคือผู้ใจดีผู้นั้น เมื่อพวกเขาถึงแผ่นดินที่แห้งก็จากไปตามทางของแต่ละคน ความรักนึกขึ้นมาได้ว่า ลืมถามชื่อผู้ที่ช่วยเหลือเขา ความรักจึงถามความรู้ "ใครเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน" ความรู้ตอบด้วยความภาคภูมิใจในความรอบรู้ของตนเองว่า"เวลา" ความรักถามต่อว่า "แต่ทำไมเวลาถึงช่วยฉันละ" ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตัวเอง แล้วตอบความรักว่า "ก็เพราะว่า เพียงเวลาเท่านั้น ที่เข้าใจว่า ความรักที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน" แต่ว่า...มีสิ่งหนึ่งที่เราลิมเลือนไป ถ้าหากจะไม่กล่าวถึงเสียเลยขณะที่ความรักกำลังมองหาค นช่วยเหลือออกจากเกาะ ความรัก คงยุ่งอยุ๋กับการมองหาผู้อื่น..จนลืมมองหาที่ความเป็ นเพื่อนซึ่งเลือกที่จะ อยุ่เคียงข้างความรักตั้งแต่แรกแล้ว เพราะความเคยชินจึงทามให้ความรักมองไม่เห็นความสำคัญ ของความเป็นเพื่อน... ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตนไม่จากไปเหมือน กาลเวลา ความเป็นเพื่อนรู้้สึกดีว่า ตนไม่รังเกียจความเห็นแก่ตัว ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตนไม่แบ่งชั้นเหมือนความรวย ความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน ไม่อ้างว้างเหมือนความเศร้า และความเป็นเพื่อนรู้ดีว่าตน ... ไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนความสุขทั้งนี้เพราะ ความเป็นเพื่อนจะอยู่ในใจเราตลอดไป

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

บทเริ่มต้น

24 มกราคม2553

เริ่มต้นสำหรับปีใหม่ แม้เปนช่วงปลายเดือน แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นครั้งแรกกับปีแรกที่ดีจริงๆ


มาร์กัส